ในงานตกแต่งภายใน “สี Texture” กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทั้งความงามและความรู้สึกของพื้นที่ได้อย่างลงตัว เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมิติให้ผนังดูมีชีวิตชีวาเท่านั้น แต่ยังสามารถ “สื่ออารมณ์” ของห้องได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะโทนสีที่ช่วยให้บรรยากาศดู หรูหรา อบอุ่น และน่าพักผ่อน ซึ่งเป็นแนวทางการตกแต่งที่มาแรงในปีนี้ ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาดูว่า “โทนสี Texture แบบไหนที่ทำให้ผนังดูหรูหราและอบอุ่น” ช่วยยกระดับผนังของคุณให้สวยเรียบหรู ดูแพงแต่ไม่เย็นชา พร้อมเคล็ดลับในการเลือกโทนสีให้เหมาะกับสไตล์และฟังก์ชันของแต่ละพื้นที่
- งาน Texture Paint กับความสวยงามที่ได้จากทีมช่างมืออาชีพ
- ผนัง Texture ช่วยเพิ่มมูลค่าบ้านจริงหรือ?
- วิธีดูแลและทำความสะอาดผนังที่ทาสี Texture
ทำไม “สี Texture” ถึงสร้างความรู้สึกอบอุ่นและหรูหราได้
สี Texture ไม่ใช่แค่การทาสีแบบเรียบๆ ทั่วไป แต่คือเทคนิคที่เพิ่มมิติให้กับผนังผ่านการ “ปาด ขัด เกลี่ย” เพื่อสร้างพื้นผิวที่มีลวดลายเฉพาะตัว เมื่อผสานกับโทนสีที่เหมาะสม จะเกิดความรู้สึกที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
โทนสีอุ่น เช่น น้ำตาลอ่อน เบจ หรือครีม จะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น ในขณะที่สีเข้มอย่างเทาเข้มหรือทองแดง จะให้ความรู้สึกหรูหราและมีระดับ การเลือกใช้ “สี Texture” ที่เหมาะสมจึงเป็นการออกแบบอารมณ์ของพื้นที่อย่างหนึ่ง ซึ่งช่างผู้มีประสบการณ์จะรู้วิธีผสมผสานให้ได้ผลลัพธ์ที่กลมกลืนที่สุด
โทนสี Texture ยอดนิยมที่ให้ลุค “หรูหราและอบอุ่น”
1. สีเอิร์ธโทน (Earth Tone) – ความอบอุ่นจากธรรมชาติ
สีเอิร์ธโทน เช่น น้ำตาลอ่อน ทราย หรือเทาอมเขียว เป็นโทนสีที่อยู่ในกลุ่มธรรมชาติ ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับบ้านหรือรีสอร์ทที่ต้องการบรรยากาศอบอุ่นแบบ Organic
เมื่อใช้กับ สี Texture ผนังจะดูมีมิติคล้ายผิวหินหรือดินธรรมชาติ ช่วยให้บ้านดูอบอุ่นแต่ไม่เรียบจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับเฟอร์นิเจอร์ไม้หรือผ้าลินิน จะยิ่งเสริมความรู้สึกอบอุ่นได้เป็นอย่างดี
2. สีเทาอมเบจ (Greige) – เรียบหรูดูมีชั้นเชิง
สีเทาอมเบจ หรือที่เรียกว่า Greige เป็นโทนสีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเทาและเบจ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในงานตกแต่งแนว “โมเดิร์นมินิมอล”
เมื่อใช้เทคนิค สี Texture กับโทนนี้ จะช่วยให้ผนังดูหรูหราอย่างสงบ ไม่เยอะเกินไปแต่ก็ไม่เรียบจนไร้ชีวิตชีวา สีนี้เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนที่ต้องการความผ่อนคลายแต่ยังคงความมีระดับในเวลาเดียวกัน
3. สีครีมทอง (Warm Cream / Champagne) – ความหรูแบบอบอุ่น
หากคุณต้องการให้บ้านดู “หรูแต่ไม่แข็ง” โทนครีมทองคือคำตอบ เพราะโทนนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลแต่ยังคงความสง่างาม
เมื่อนำมาทำเป็น Texture Paint จะได้ผิวสัมผัสที่ดูนุ่ม มีประกายเบาๆ คล้ายกำมะหยี่ ช่วยให้ผนังดูมีแสงและเงาที่สวยงาม เหมาะอย่างยิ่งกับห้องรับแขก ห้องโถง หรือพื้นที่ที่ต้องการความโดดเด่นแบบพอดี
4. สีเทาคอนกรีต (Modern Concrete) – ดิบแต่มีดีไซน์
ลุค “คอนกรีตเปลือย” ยังคงได้รับความนิยมในปีนี้ โดยเฉพาะในสไตล์ลอฟท์และโมเดิร์นอินดัสเทรียล การใช้ สี Texture โทนเทา แบบขัดด้านหรือกึ่งมันเงา จะช่วยให้ผนังดูมีความดิบเท่แต่ยังคงความหรูหรา
แม้จะเป็นสีเทาเย็น แต่ด้วยการเล่นพื้นผิวที่มีมิติ จะทำให้ห้องไม่แข็งกระด้างจนเกินไป หากจับคู่กับไฟโทนอบอุ่นหรือเฟอร์นิเจอร์ไม้เข้ม จะได้บรรยากาศที่หรู เรียบ และสมดุลอย่างลงตัว
5. สีทองแดง (Copper / Bronze) – ความหรูที่ไม่ต้องพยายาม
สีทองแดงและบรอนซ์กำลังเป็นที่นิยมในงานตกแต่งระดับพรีเมียม เพราะให้ความรู้สึกหรูหราแต่ไม่ฉูดฉาด เมื่อใช้กับ สี Texture จะเกิดประกายสะท้อนแสงที่สวยละมุนในทุกมุมมอง
ผนังโทนนี้เหมาะกับห้องรับแขกหรือร้านอาหารที่ต้องการเพิ่มความรู้สึกพิเศษและมีระดับ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับไฟ Warm White จะยิ่งช่วยขับให้พื้นผิวของ Texture ดูหรูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
6. สีเบจอมชมพู (Blush Beige) – ความอ่อนโยนที่ดูแพง
สีเบจอมชมพูให้ความรู้สึกนุ่มนวล อบอุ่น และทันสมัย เหมาะกับผู้ที่ต้องการตกแต่งบ้านให้ดูละมุนแต่ยังมีสไตล์ เมื่อทำเป็น Texture Paint จะได้ผิวสัมผัสที่ดูละเมียดละไม ให้ความรู้สึก Cozy และมีเสน่ห์
เหมาะสำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือมุมอ่านหนังสือที่ต้องการบรรยากาศผ่อนคลายและอ่อนโยนแต่ไม่ดูเด็ก
7. สีเขียวเทา (Sage Green / Olive Grey) – สงบหรูแบบธรรมชาติ
อีกหนึ่งโทนยอดฮิตในปีนี้คือสีเขียวอมเทา ซึ่งให้ความรู้สึกเย็นสบายแต่ไม่หม่น เมื่อใช้เทคนิค สี Texture จะช่วยเพิ่มมิติให้ผนังดูมีชีวิตชีวาเหมือนผิวหินธรรมชาติ
เหมาะกับบ้านที่ต้องการบรรยากาศสงบ มีความสมดุลระหว่างความโมเดิร์นและความอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งกับสไตล์ Japandi และ Organic Modern
เคล็ดลับการเลือกโทนสี Texture ให้เหมาะกับพื้นที่
- คำนึงถึงแสงในห้อง – หากห้องมีแสงธรรมชาติน้อย ควรเลือกสี Texture โทนอ่อน เพื่อช่วยให้ห้องดูกว้างและสว่างขึ้น
- ดูสีของเฟอร์นิเจอร์และพื้น – หากเฟอร์นิเจอร์ไม้เข้ม ใช้สีผนังโทนอุ่นอย่างเบจหรือครีมจะช่วยบาลานซ์บรรยากาศได้ดี
- เลือกความเข้มให้พอดี – สี Texture ที่เข้มมากอาจทำให้ห้องดูแคบลง แต่ถ้าใช้ในมุมที่มีแสงพอจะช่วยเพิ่มความลึกและความหรูได้
- ใช้ไฟช่วยขับผิว Texture – แสงไฟโทน Warm White จะช่วยให้ผิวสัมผัสของสี Texture ดูโดดเด่นและอบอุ่นยิ่งขึ้น
ความหรูหราเริ่มต้นจาก “โทนสีที่ถูกเลือก”
“สี Texture” ไม่ได้มีดีแค่ลวดลายหรือเทคนิคการปาด แต่ “โทนสี” คือหัวใจสำคัญที่กำหนดอารมณ์ของพื้นที่ได้อย่างชัดเจน โทนเอิร์ธโทน เทาอมเบจ หรือทองแดง คือโทนที่ให้ความรู้สึกหรูหราและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
การเลือกใช้สี Texture ที่เหมาะสมกับสไตล์บ้านและการตกแต่ง จะช่วยเปลี่ยนผนังธรรมดาให้กลายเป็นจุดเด่นของห้องที่เต็มไปด้วยความรู้สึก มีมิติ และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว
หากคุณกำลังมองหาวิธีสร้างบรรยากาศ “หรูหราและอบอุ่น” ให้กับบ้านหรือพื้นที่ของคุณ การเลือก สี Texture โทนที่ถูกต้อง คือคำตอบที่ง่ายแต่ได้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เพราะผนังที่สวยและมีมิติ ไม่เพียงทำให้บ้านดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างความรู้สึกที่อยากอยู่และอยากมองซ้ำทุกวัน.
ติดต่อสอบถาม
Line : @petradecor
Tel : 02-028-8714
Email : info@petradecoration.com
Facebook : https://www.facebook.com/goldleafsilverleaf/




